รีวิวเที่ยว “กระบี่” กับ ทริปลองของ เที่ยวกระบี่หน้าฝน ผลจะเป็นอย่างไร

เที่ยวกระบี่

วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยว จ.กระบี่ กันครับ ที่นี่เป็นอีก 1 จุดหมายที่หลายๆคนคงอยากไป

ซึ่งการไปครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะผมไปช่วงหน้าฝน คิดว่าทะเลอาจจะไม่สวยเท่าที่ควร

แต่ในเมื่อเรายังไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นอย่างไร เลยอยากลองออกไปดูด้วยตาตัวเองซักครั้ง

กับทริปแรกของการเดินทางเที่ยวทะเล ฝั่งอันดามัน มาตามดูการเที่ยวกระบี่ หน้าฝนไปพร้อมๆกันนะครับ

เที่ยวกระบี่

ทริปนี้ผมเดินทางโดยสายการบิน Bangkok Airways เพราะเห็นช่วงก่อนหน้านี้มีโปร ราคาพันต้นๆ เลยรีบจับจองอย่างไว


ด้วยทั้งมีห้องรับรองระหว่างรอขึ้นเครื่อง และมีอาหารบนเครื่อง แถม service หลายๆอย่างฟรีอีกด้วย

ป่ะ!! เริ่มเช็คอินแล้วออกเดินทางไปพร้อมๆกันครับ

และแล้วก็ถึงกระบี่ โดยสวัสดิรูป เห้ย!! สวัสดิภาพ ฮาๆๆ (มุข 5 บาท 10 บาท ก็เอา)

ทริปนี้ผมได้พักที่ กระบี่ ทิพา รีสอร์ท อ่าวนาง โดยจากสนามบิน

​สามารถเดินทางไปอ่าวนางได้โดยรถ Shuter Bus ราคาคนล่ะ 150 บาท
โดยรถจะวิ่งเป็นรอบๆ ผมรออยู่ประมาณ 15 นาที รถถึงออกจากสนามบิน
และใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาที ในการเดินทางมาถึงที่พัก อ่าวนาง

บรรยากาศบริเวณด้านหน้าของที่พัก คิดในใจ มันเหมือน วังจุฑาเทพ มากๆ ได้บรรยากาศคุณชายเข้ามาทันที (เพลงมา!!)

บริเวณหน้า Lobby Check in ตกแต่งด้วยสี ขาว ฟ้า ดูแล้วสบายตาดี และรายล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว รอบบริเวณ

ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อได้เห็น เหมือนมาพักผ่อน บ้านพักตากอากาศ บรรยากาศชิวๆ
บริเวณนี้ค่อนข้างกว้าง มีโซฟาให้นั่งเยอะพอสมควร และเป็นมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่ระทึก เอ้ย!! ที่ระลึกด้วย

ระหว่างทางเดินเข้าห้องพัก พบสระว่ายน้ำอยู่ด้านหลัง เลยแวะแชะภาพซักนิด

มองจากด้านนี้จะเห็นภูเขา ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรม เหมาะแก่การนอนอาบแดด

​เล่นน้ำท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ มองเห็นภูเขาไกลๆคราวนี้ก็มาถึงห้องพักกันบ้าง
ผมพักในห้อง Deluxe Room โดยอยู่ถัดจากริมสระน้ำมาไม่ไกล
บรรยากาศร่มรื่น ทางเดินประดับด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่น

หลังจากถึงห้องพัก ผมก็ทำการเก็บข้าว เก็บของออกจากกระเป๋า และดื่มน้ำปัสสาวะ ตามอัธยาศัย

ก่อนที่จะออกทัวร์ในตัวเมืองกระบี่กันต่อไป หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้ว ที่แรกที่ออกทัวร์ในทริปนี้คือ
หาดนพรัตน์ธารา อยู่บริเวณไม่ไกลจากที่พัก

แต่ด้วย อากาศร้อนและแดดแรง เลยไม่ได้เดินเล่นนาน ไปเที่ยวต่อที่อื่นกันดีกว่า

​แค่แวะสูดอากาศทะเลให้ชุ่มปลอดก็พอที่ต่อไปที่จะไปในทริปนี้
คือ วัดถ้ำเสือ ครับ มาถึงแล้ว แวะทำบุญกันซักหน่อย

มี จนท.บอกว่า บริเวณด้านบนของวัดถ้ำเสือ มีวิวที่สวยงามมากๆ จะมองเห็นรอบตัวเมืองกระบี่

​ผมฟังดังนั้น จึงรีบสอบถามทางขึ้นจุดชมวิวนั้น

เมื่อมาถึงทางขึ้น มีป้ายแจ้งขั้นที่จะขึ้นไปยังจุดสูงสุด 1,237 ขั้น คิดในใจ หุหุ แค่นี้สบายจิ๊บๆ ไม่คณามือผมหลอก

ขึ้นมาได้ซักประมาณ 100 ขั้นแรก ยังชิลๆ แค่นี้จิ๊บๆ ระหว่างทางเดินชมวิวข้างทาง และตลอดทางจะมีลิงเต็มสองข้างทาง
เมื่อเดินทางต่อมาได้ซักประมาณ 200 กว่าขั้น จึงได้แวะถ่ายรูปบริเวณนั้นไปด้วย
ประกอบกับเริ่มเหนื่อยพอตัว ถือโอกาสหยุดพักไปด้วย

และในที่สุดผมก็ได้เป็นผู้พิชิทความสูงของขั้นบันได…….

ที่ 250 ขั้น เพราะด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงเย็นแล้ว กลัวกว่าจะขึ้นจะลง จะลำบาก
เพราะมันต้องใช้เวลากลัวจะค่ำแล้วไม่ได้ไปที่อื่นต่อ

จึงตัดสินใจลงดีกว่า (แหม!! พูดดูดีมาก จริงๆไปต่อไม่ไหวครับ เหนื่อย ขาสั่น ทางค่อนข้างชัน ลงดีกว่า 555)
ระหว่างเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป ไม่รู้ผมมโนไปเองหรือเปล่าว่าผมเห็นก้อนเมฆกลุ่มนี้เป็นรูป หัวใจ

เหมือนเค้าดีใจที่ผมมาเที่ยวที่นี่ 555 มายังจุดหมายต่อไปกันเลยดีกว่าครับ
ผมจำชื่อไม่ได้ว่า อุทยานอะไรซํกอย่าง ต้องขออภัย ใครรู้ช่วยบอกผมที เป็นทางที่จะออกไปยังเขา ขนาบน้ำ

และที่พลาดไม่ได้เลย เมื่อมาถึงกระบี่ จะต้องมาชักภาพที่นี่กลับไป ไม่ยั้งงั้นเค้าบอกว่า มาไม่ถึงกระบี่ (อยากรู้จริงๆ ว่าเค้าอ่ะ คือใคร )
ลานปูดำ นั่นเองครับ

มองไปด้านหลังจะเห็น เขาขนาบน้ำ อยู่ไกลๆวิวตรงนี้สวยอีกเช่นกัน ดูแล้วสบายตา

​บรรยากาศที่เต็มไปด้วย สายน้ำ ต้นไม้ และภูเขา ธรรมชาติจัดสรรค์จริงๆ

และอีกฝั่งจะมี เหยี่ยวให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกเช่นกัน ซึ่งเค้าก็บอกว่า เค้าอีกและ 555 เป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่อีกอย่าง

เสร็จจากจุดนี้ ผมเดินทางต่อไปที่ วัดแก้วโกรวาราม โบสถ์ที่นี่ตกแต่งด้วยโทน ขาว น้ำเงิน  ดูยิ่งใหญ่ อลังการดีครับ มีพญานาคด้วย

เดินเที่ยวมาก็หลายที่แล้ว ไม่รู้เพื่อนๆเหนื่อยกันหรือยัง แต่ผมเหนื่อยแล้ว และหิวด้วย

​ไปเดินหาอะไรกินกันที่ ถนนคนเดิน จ.กระบี่ กันดีกว่า

ผมเก็บภาพที่นี่มาไม่เยอะครับ เนื่องด้วยอาการหิว และเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน แต่ที่ได้เจอคือ

ถนนคนเดิน จ.กระบี่ เค้าไม่ใช้โฟมกัน เพื่อลดขยะและช่วยรักษาธรรมชาติอีกด้วย
น่านำไปใช้กันในทุกๆที่เนอะหนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน กลับที่พักกันดีกว่า

เช้าวันใหม่ วันที่ 2 ของการเดินทางครับ ตื่นเช้ามาผมเดินมายังสระว่ายน้ำ เพื่อมาเก็บภาพบริเวณริมสระน้ำ พร้อมสูดอากาศสดชื่น

ถึงเวลาที่หลายๆ ท่านรอคอยครับ รวมทั้งผมด้วย ไม่รู้ว่าจะออกไปเกาะได้ไหม อากาศจะเป็นใจไหม สุดท้ายได้ออกครับ อากาศเป็นใจ

โดยผมเลือกไป ทัวร์เกาะพีพี เพราะได้สอบถามกับ จนท.รีสอร์ทได้รับคำแนะนำให้ไปที่นี่ครับ
ป่ะ!! ไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ โดยทัวร์ที่ไปเป็นเรือ Speed Boat เราสามารถซื้อแพคเก็จกับทางรีสอร์ทได้เลย

นั่งเรือมาประมาณ 10 – 15 นาที ก็มาถึงเกาะแรกของทัวร์นี้ครับ คือ เกาะไม้ไผ่

​มาชมความงามและความอุดมสมบูรณ์ของเกาะนี้ไปพร้อมๆกันครับ

ผมชอบ เรือหัวโทง ของ จ.กระบี่ มาก มันดูคลาสสิคและมีมนต์เสน่ห์ ความงดงามในตั

เกาะนี้ทางทัวร์จะจอดให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำและถ่ายรูปประมาณ 45 นาที

​ผมจึงเดินเล่นไปตามชายหาด เพื่อเก็บภาพบรรยากาศมาฝากเพื่อนๆกัน

และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ เกาะไม้ไผ่ ทำให้ผมได้พบกับอะไรบางอย่าง

ที่ไม่ได้เจอมานานร่วมๆ 10 ปีได้ เจอครั้งล่าสุดจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่

ปูเสฉวน นั่นเองครับ ประทับใจกับเกาะไม้ไผ่เป็นการส่วนตัว ทั้งน้ำทะเล หาดทราย สีขาว เม็ดทรายละเอียด นุ่มเท้า

​จาก เกาะไม้ไผ่ ขึ้นเรือตามกันมาต่อเลยครับ ที่ต่อไปที่เรือแวะให้ถ่ายรูป คือ ถ้ำไวกิ้ง หรือ ถ้ำรังนก

เก็บภาพเรียบร้อย แบบทุลักทุเล เพราะผมนั่งอยู่อีกฟากของเรือ ต้องเบียดแย่งชิง เพื่อให้ได้ภาพเหล่านั้นมา 555

เดินทางกันต่อเลย สถานที่ต่อไป ปิเละลากูน (Pihleh Lagoon) ชมน้ำทะเลสีเขียวมรกตตัดกับภูเขาหินปูนที่โอบล้อม กันครับ

ที่นี่น้ำเขียว ใส สวยมากจริงๆครับ อยากจะกระโดดลงจากเรือเพื่อลงเล่นน้ำ เหมือนมีสระว่ายน้ำ อยู่ท่ามกลางทะเล

ที่รายล้อมไปด้วย ภูเขา เหมือนอยู่ในห้องกลางทะเล ยังไงยังงั้นเลย
แต่ด้วยติดต้องไปต่อเลยเก็บฝากความประทับใจได้อย่างเดียวเที่ยวชมกันพอหอมปากหอมคอ
ได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้วครับ นั่งเรือต่อมาอีกซักพัก ก็ถึง อ่าวมาหยา
ไกด์แจ้งว่า คนมาเที่ยวที่นี่เยอะมาก เพราะดูหนังจากเรื่อง The Beach ที่มาถ่ายทำที่ อ่าวมาหยา แห่งนี้

หลังจากลงจากเรือเพื่อเดินขึ้นฝั่ง ไกด์ให้เดินไปยังท้ายอ่าวเพื่อชมความงามของ อ่าวมาหยา 

​เราก็เดินตามเค้าไปไม่รู้เค้าไปดูอะไรกัน

คนเค้าต่อแถวกันยาว เพื่อขึ้นไปบนนั้น ไม่รู้ว่าบนนั้นมันมีอะไร และเมื่อขึ้นมาถึงก็ได้พบกับ บรรยากาศดังภาพครับ

ความรู้สึกของผม ณ ตอนนั้น  เหมือนกับทุกท่านที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ครับ และเข้าใจแล้วว่าทำไมที่นี่คนถึงเยอะจัง

เก็บภาพและบรรยากาศเสร็จเตรียมตัวขึ้นเรือไปยัง เกาะพีพี เพื่อรับประทาอาหารเที่ยงกันครับ
เมื่อมาถึงเกาะพีพี จะมีการจัดเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟต์

ทานอาหารกลางวันเรียบร้อย เตรียมตัวออกไปดำน้ำกันต่อ

หลังจากออกจาก เกาะพีพี ทัวร์จะพาไปดำน้ำ สองที่ แถบๆ เกาะนี้ครับ มัวแต่ดำน้ำเพลิน เลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนดำน้ำมาฝากกัน
จบแล้ว ทริปทัวร์เกาะพีพี ของผมวันนี้ เดือนทางกลับเข้าฝั่งกันดีกว่า

บ๊าย…บาย ทะเลอันดามัน สัญญาว่าจะกลับมาเยือนอีก สวยไม่ลืมเลยจริงๆ
หลังจากกลับถึงฝั่งจะมีรถสองแถวตะเวนส่งผู้ร่วมทริปกันจนหมด กลับห้องอาบน้ำเปลี่ยนชุด
เพื่อเตรียมตัวออกไปหาของอร่อยๆกินกันครับ

วันนี้ผมออกมาหากินด้านนอกรีสอร์ทครับ เลือกร้านไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่ ร้านพจวรรณ

สั่งกันเต็มเหนี่ยวหลังจากทัวร์เกาะกันมาทั้งเหนื่อยและเพลีย ได้เวลาเติมพลังกันแล้ว

เมนูแรก มาทะเลทั้งทีก็ต้องมากินปลากันครับ ตำถั่วปูปลาร้า 555 ปลาทะเลน้ำลึกจากอีสานบ้านเฮานี่เอง

สั่งกันเพลิน จนหันมาอีกที อาหารมาเต็มโต๊ะแล้ว จะกินหมดไหมเนี่ย

มื้อนี้ทานกัน 3 คน สุดท้ายก็หมดจนได้ ค่าเสียหายทั้งหมดนี้ ราคา 910 บาท กินกันจนจุกไปข้าง

ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ตาเริ่มปิดกลับห้องนอนดีกว่า พรุ่งนี้ได้เวลาเดินทางกลับ
เช้าวันสุดท้าย ยังพอมีเวลาเหลือ เนื่องจากไฟท์บินช่วงบ่าย เลยอยากเที่ยวต่อ ไหนๆก็มาทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้ม

เห็นในเน็ทเค้ารีวิวกันไว้เยอะเกี่ยวกับ สระมรกต เลยอยากไปและก็ไม่พลาด ไปเที่ยวก่อนกลับด้วยกันครับ
ระยะทางจาก กระบี่ ทิพา รีสอร์ท อ่าวนาง ไปยัง สระมรกต ประมาณ 60 โล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.
และแล้วก็มาถึงจนได้ สระมรกต แต่เมื่อมาถึงต้องเดินต่อเข้าไปอีก โดยมีทางแยกให้เลือกระหว่าง 800 เมตร
กับ 1.4 กิโล เป็นเส้นทางทัศนศึกษา พันธุ์ไม้ต่างๆ ผมจึงเลือกเส้นทางนี้ โดยระหว่างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด

เดินเข้ามาลึกเหมือนกัน เล่นเอาเหนื่อยไปเหมือนกัน และสุดท้ายก็มาถึงจนได้ สระมรกต

คนเล่นน้ำเยอะมาก น้ำใส สีเขียวมรกต สมชื่อจริงๆ แต่จุดหมายของผมยังไม่จบแค่นี้ครับ
ผมเห็นเส้นทางให้เดินต่อ จึงตัดสินใจเดินตามเส้นทางต่อไป โดยไม่รู้ว่าปลายทางคืออะไร

เดินเข้าป่าไปอีกประมาณ 300 – 400 เมตร เห็นจะได้ และสุดท้ายก็มาถึงปลายทางของเส้นทางเดินนี้
อาการเหนื่อยล้าจากการเดินเท้าเข้ามาร่วมกว่า 2 กิโล หายเป็นปิดทิ้งเมื่อเห็นภาพต่อไปนี้อยู่เบื้องหน้า

มันช่างเป็นอะไรที่งดงามและ Unseen เหนือคำบรรยายจริงๆ เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผมเดินชมความงามอยู่พักใหญ่

เพื่อเก็บภาพบรรยากาศและซึมซับธรรมชาติที่สวยงามอย่างเต็มที่ ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เลือกมาที่นี่ก่อนเดินทางกลับการเดินทางในทริปนี้สิ้นสุดลง ท่ามกลางความประทับใจมากมาย ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว

เดินทางกลับอย่างสวัสดิภาพ ปลอดภัยถึงที่หมายเรียบร้อย แต่ก่อนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
ฝนก็ตกต้อนรับการกลับบ้านอย่างหนัก เหมือนรู้งาน

 

สุดท้ายขอสรุปรายละเอียดการเที่ยว กระบี่ หน้าฝน และให้คะแนนดังนี้

คะแนน : 8.5 / 10

 

เที่ยวหน้าฝนใครว่าเที่ยวทะเลไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้นๆครับ

และถึงแม้ทริปเที่ยว กระบี่ หน้าฝน ท้องฟ้าจะไม่สวยเท่ากับหน้าร้อน แต่ด้วยความสวย ใส ของน้ำทะเล เกาะน้อยใหญ่

รวมไปถึงหาดทราย ของ จ.กระบี่ ทำให้ลืมเรื่องท้องฟ้าไปเลย อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าช่วงหน้าร้อนมาก

ทำให้การเที่ยวทริปนี้ ไม่วุ่นวาย สงบ ซึ่งชอบตรงจุดนี้มาก ที่ไม่ต้องไปแย่งกินแย่งเที่ยวกับคนจำนวนมาก

รวมไปถึงราคาที่พักและ ราคาทัวร์ต่างๆ ก็ถูกลงไปกว่าครึ่ง เที่ยวสนุกชิลๆ สบายกระเป๋า

เข้าทางใครหลายๆคน รวมถึงตัวผมเองด้วย ต้องยกให้ทริปนี้เป็นทริปสุดประทับใจอีกทริปหนึ่งของการเดินทางของผม

และจะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน ปีหน้าจะต้องกลับมาเยือนทะเล อันดามัน อีกครั้ง ไม่พลาดแน่นอน

หากท่านใดสนใจอยากจะติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวแบบชิลๆของผม หรือแลกเปลี่ยนมุมมองการท่องเที่ยว

พูดคุย สอบถามข้อมูล สามารถติดตามได้อีกช่องทางที่ http://www.facebook.com/9aooddy.travel

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทาง พนักงานทุกท่าน ที่มอบสิ่งดีๆให้ตลอดทริปนี้

และขอขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามอ่านรีวิวนี้มาจนจบ

 

ขอบคุณและสวัสดีครับ

กินเพลิน เดินเที่ยว

รักการท่องเที่ยว ถ่ายภาพ ออกเดินทางเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ
Back To Top
Share
Hide Buttons